ประวัติของนาจิบ ราซะก์ ผู้นำประเทศมาเลเซีย
ประวัตความทางการเมืองของนาจิบ ราซะก์
ดาโต๊ะซรี ฮัจญี โมฮัมมัด นาจิบ บิน ตน ฮัจญี อับดุล ราซะก์ (มาเลย์: Dato' Sri Haji Mohammad Najib bin Tun Haji Abdul Razak) หรือ นาจิบ ราซะก์ คือนายกรัฐมนตรีแห่งมาเลเซียคนที่ 6 และคนปัจจุบัน ก่อนที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เขาได้ดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอับดุลละห์ บาดาวี อีกด้วย
นาจิบ ราซะก์ในตระกูลนักการเมือง โดยเป็นบุตรชายของนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 (อับดุล ราซะก์) และเป็นหลานของนายกรัฐคนที่ 3 (ฮุซเซน อน)สำนักข่าวเบอร์นามาของมาเลเซียรายงานผลการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 13 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีจากพรรคอัมโน และพรรคแนวอีก 12 พรรคที่เรียกตัวเองว่า Barisan Nasional หรือ BN สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด กลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง โดยได้ที่นั่งในสภาถึง 133 ที่นั่ง เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ของประเทศอีกหนึ่งสมัย นับเป็นพรรคที่มีการผูกขาดอำนาจมาตั้งแต่ปลดแอกจากการเป็นอาณานิคมของอังกฤษเมื่อ 50 ปีก่อน
การเลือกตั้งครั้งนี้ Barisan Nasional ขั้วการเมืองที่ครองอำนาจมานานได้รับชัยชนะในรัฐเกดะห์ (Kedah) ปะหัง (Pahang) เปอลิส (Perlis) เปรัค (Perak) มะละกา (Melaka) นิเกรี เซมบิลัน (Negeri Sembilan) ตรังกานู (Terengganu) ยะโฮร์ (Johor) ซาบะห์ (Sabah) และซาราวัก (Sarawak) ซึ่ง 2 รัฐสุดท้ายที่อยู่ในเกาะบอร์เนียว ถือเป็นรัฐที่กลุ่มแนวร่วมที่นำโดยพรรคอัมโน ได้รับเลือกตั้งมาอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้ ได้ 47 ที่นั่ง จนนักวิเคราะห์มองว่าสองรัฐนี้ถือเป็น “เงินฝากที่คงที่” ของพรรครัฐบาล
ขณะที่พรรคฝ่ายค้านอย่างกลุ่ม Pakatan Rakyat (PR) ที่นำโดยนายอันวาร์ อิบราฮิม จากพรรค People's Justice Party (PKR) ร่วมกับพรรค Democratic Action Party (DAP) และพรรค Pan-Malaysian Islamic Party (PAS) ได้จำนวน 89 ที่นั่ง แบ่งเป็นพรรค PKR ของนายอันวาร์ได้ 30 ที่นั่ง พรรค DAP ได้ 38 ที่นั่ง และพรรค PAS ได้ 21 ที่นั่ง จากจำนวนที่นั่งในสภาทั้งหมด 222 ที่นั่ง
การเลือกตั้งครั้งนี้นับเป็นการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์อีกอย่างหนึ่ง คือ นายนาจิบ ราซัค ถือเป็นลูกชายอดีตนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียอย่าง “ต่วนอับดุลราชัค บิน ฮุสเซ็น” ที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของมาเลเซีย ช่วง พ.ศ.2513-2519 ได้รับเลือกตั้งกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นคนแรก จากความร่วมมือกันของ 13 พรรคการเมือง
ครั้งนี้มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 13.27 ล้านคน การรณรงค์ในช่วงการหาเสียงของนายนาจิบนั้น เขาพยายามอย่างหนักที่จะให้ประชาชนเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงภายในประเทศที่เกิดจากผลงานของรัฐบาลที่ผ่านมา และยังได้ออกแถลงการณ์สัญญาว่าจะทำให้ประเทศมาเลเซียเป็นที่จับตามองของประชาชน และจะนำมาเลเซียพัฒนาสู่จุดสูงสุดอีกครั้งหนึ่ง
ภายหลังผลการเลือกตั้งเป็นที่ยืนยันว่าตนเองชนะการเลือกตั้ง นายนาจิบได้ออกรายการโทรทัศน์สด และกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ขอบคุณประชาชนที่สนับสนุนเขาให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้านที่ยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นกระบวนการทางประชาธิปไตย
ข้อมูลจากวิกิพีเดีย ระบุว่า นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ของมาเลเซียที่ชนะการเลือกครั้งครั้งนี้ มีชื่อเป็นภาษามาเลย์ว่า Dato' Sri Haji Mohammad Najib bin Tun Haji Abdul Razak เกิดเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ.2496 ที่รัฐปะหัง นับถือศาสนาอิสลาม นิกายซุนนี่ ปัจจุบันอายุย่างเข้าสู่ 62 ปี เป็นบุตรชายคนโตของ “ต่วนอับดุลราชัค บิน ฮุสเซ็น”นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของมาเลเซีย และนายนาจิบยังเป็นหลานชายของ “ฮุสเซ็น ออน” นายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของมาเลเซียด้วย มีลูกทั้งหมด 5 คน จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรม จากมหาวิทยาลัยน็อตติ้งแฮม ประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นจึงกลับมาทำงานในธนาคารกลาง และบริษัทปิโตรนาส เริ่มเข้ามาทำงานการเมืองตั้งแต่อายุ 32 ปี
ในที่สุดก็ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีครั้งแรกในรัฐบาลของ “ต่วนอันดุลลา อาหมัด บัดาวี” นายกรัฐมนตรีคนก่อนในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เยาวชน และกีฬา และในที่สุดวันที่ 3 เมษายน 2552 เขาก็ได้ก้าวเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ของมาเลเซีย และการเลือกตั้งครั้งนี้ก็เป็นสมัยที่ 2 ของเขาในการเข้ามาบริหารประเทศมาเลเซีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น